"กษัตริย์องค์ต่างๆของพระคัมภีร์ไบเบิล"
- Suvarnabhumi Baptist
- 17 มิ.ย. 2562
- ยาว 1 นาที
บทเรียนที่ 6
อาทิตย์ ที่ 16/06/2019
อาหับ กษัตริย์ผู้ชั่วร้าย
เป้าหมาย: เพื่อสอนให้นักเรียนของข้าพเจ้ารู้เรื่องราวอันน่าสลดใจของชีวิตกษัตริย์อาหับ และเพื่อเตือนใจพวกเขาถึงผลกระทบต่างๆของความบาป
เข้าเรื่อง: วันนี้เรากำลังจะศึกษากษัตริย์องค์ที่ 6 กันแล้ว (มีใครจำได้บ้างว่า 5 พระองค์ก่อนหน้านี้ชื่ออะไร?) ในพระคัมภีร์มีกษัตริย์เยอะแยะมากมาย ที่เราเลือกมาศึกษาเป็นเพียงแค่บางองค์เท่านั้น อยากให้ทุกคนเข้าใจว่า จุดประสงค์ของการเรียนรู้เกี่ยวกับกษัตริย์ต่างๆเหล่านี้ไม่ใช่เพื่อให้เรามีความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์เท่านั้น แต่ยิ่งกว่านั้นคือเพื่อให้เราเห็นชีวิตของกษัตริย์เหล่านี้ที่เป็นตัวอย่าง หากเป็นตัวอย่างที่ดีให้เราทำตาม และหากเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้เราหลีกเลี่ยง การศึกษาเรื่องกษัตริย์องค์ต่างๆของพระคัมภีร์ไบเบิลจะครบถ้วนไม่ได้เลย หากว่าเรามองข้ามกษัตริย์องค์นี้ไป เพราะกษัตริย์องค์ที่เราจะศึกษาวันนี้เป็นกษัตริย์ที่โด่งดังพระองค์หนึ่งในพระคัมภีร์ แต่เป็นความโด่งดังที่ไม่ดี เพราะโด่งดังในเรื่องความบาป กษัตริย์องค์นี้ไม่ใช่ใครอื่น พระองค์คืออาหับ กษัตริย์ผู้ชั่วร้ายนั่นเอง
ชื่อ “อาหับ” แปลว่า พี่ชาย หรือ น้องชายของพ่อ คือ ลุง หรือ อา นั่นเอง
ข้อพระคัมภีร์: เปิดไปที่ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:29
บทนำ: อาหับเป็นใคร? อาหับเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล (คือราชอาณาจักรฝ่ายเหนือ) ทรงเป็นราชโอรสของอมรี ทรงเริ่มปกครองประมาณ 874 ก่อนคริสตศักราช ในปีที่ 38 แห่งรัชกาลของ อาสา กษัตริย์แห่งยูดาห์ ให้เรามาดูชีวิตของกษัตริย์อาหับกัน
I. พระองค์แต่งงานกับภรรยาที่ไหว้รูปเคารพ อ่าน 1 พงศ์กษัตริย์ 16:31 ในพระคัมภีร์จะเห็นหลายต่อหลายคนที่หลงผิดไปเพราะการแต่งงานกับคนที่ไม่เชื่อพระเจ้า เรื่องนี้เห็นได้ชัดโดยเฉพาะเวลาที่ผู้ชายไปแต่งกับผู้หญิงที่ผิด เช่น เป็นนางเดลิลาห์ที่นำแซมสันให้หลงผิด ภรรยาทั้งหลายของซาโลมอนนำให้พระองค์หลงผิด เป็นผู้หญิงที่ทำให้กษัตริย์ดาวิดล้มลง และอาหับเองทรงเริ่มต้นรัชกาลของพระองค์โดยการแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหว้รูปเคารพ คนหนุ่มสาวยิ่งต้องระวังในการเลือกเพื่อน เพราะวันหนึ่งเพื่อนจะกลายเป็นแฟน และวันหนึ่งแฟนจะกลายเป็นสามีหรือภรรยาเรา และวันหนึ่งจะเป็นพ่อของลูกเราหรือแม่ของลูกเรา ให้คิดไปถึงจุดนั้น อย่ามองดูแต่ที่รูปร่างหน้าตา ให้เราเชื่อฟังพระเจ้าที่ห้ามไม่ให้เราแต่งงานกับคนไม่เชื่อ และคบหากับคนที่เชื่อพระเจ้าเหมือนกันและที่รักพระเจ้าเหมือนกัน แค่เชื่อพระเจ้ายังไม่ดีพอ ต้องรักพระเจ้าด้วย จุดนี้สำคัญมากๆ II. ภรรยาของอาหับมีลักษณะเป็นชาย พระนางเยเซเบลเป็นผู้หญิง แต่กระทำตนเป็นผู้ชาย ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องสอนลูกๆ ยิ่งทุกวันนี้ยิ่งต้องสอนว่า ผู้ชายต้องเป็นชาย และผู้หญิงต้องเป็นหญิง โลกนี้พยายามทำให้คนสับสนในสิ่งที่พระเจ้าชัดเจน นี่คือเหตุผลว่า ทำไมคริสตจักรของเราสนับสนุนและส่งเสริมการแต่งกายที่เป็นกุลสตรีสำหรับผู้หญิง และการแต่งกายที่เป็นสุภาพบุรุษสำหรับผู้ชาย เด็กผู้หญิงควรจะไว้ผมยาว ใส่กระโปรง และมีลักษณะเรียบร้อย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกและควร เด็กผู้ชายควรไว้ผมสั้น มีลักษณะเข็มแข็งแต่ไม่ก้าวร้าว มีมารยาท ให้ความเคารพ และให้เกียรติผู้หญิง เพราะนี่เป็นสิ่งที่ถูกและควร ผู้ชายควรมีนิสัยเหมืนอผู้ชาย นั่งเหมือนผู้ชาย ยืนเหมือนผู้ชาย พูดเหมือนผู้ชาย อย่าไปสวมใส่เครื่องแต่งกายของผู้หญิง ผู้หญิงก็ไม่สวมใส่อะไรที่เป็นของผู้ชาย เรื่องนี้สำคัญมาก
III. อาหับถูกภรรยาควบคุมและสั่งการ แม้อาหับเป็นกษัตริย์ของอิสราเอล แต่พระนางเยเซเบลปกครองเหนืออาหับ การมีบทบาทที่ผิดในชีวิตสมรสนำไปสู่ความทุกข์ ไม่ใช่ความสุข จะเห็นว่า ทั้งชีวิตของกษัตริย์อาหับ พระองค์ทรงอยู่ใต้พระนางเยเซเบลตลอด บทบาทที่ถูกต้องในชีวิตคู่ คือสามีเป็นศีรษะของภรรยา คือเป็นหัวหน้าครอบครัว นี่ไม่ได้หมายความว่า เป็นเผด็จการ แต่หมายถึงการเป็นผู้นำ และภรรยาควรจะเชื่อฟังและติดตามสามี ดู เอเฟซัส 5:21-25 นี่คือบทบาทที่ถูกต้องในครอบครัว เมื่อแต่ละคนทำตามบทบาทที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ เราก็จะอยู่ในตำแหน่งที่พระเจ้าสามารถอวยพรได้
IV. พระนางเยเซเบลเป็นผู้กราบไหว้พระบาอัล และได้ทำให้กษัตริย์อาหับกลายมาเป็นผู้กราบไหว้พระบาอัลไปด้วย ดู 1 พงศ์กษัตริย์ 16:30-33 จากบทเรียนอาทิตย์ที่แล้ว พวกเราอาจจะยังจำเรื่องที่กษัตริย์เยโรโบอัมตั้งรูปปั้นวัวทองคำสองตัวให้คนอิสราเอลนมัสการได้ จำได้ไหม ที่แม้ว่า กษัตริย์เยโรโบอัมจะตั้งรูปเคารพขึ้นมา แต่ลึกๆแล้วกษัตริย์เยโรโบอัมยังนมัสการพระเจ้าพระเยโฮวาห์ที่เที่ยงแท้อยู่ รูปปั้นวัวทองคำสองตัวทำขึ้นมาเพื่อเป็น “ตัวช่วย”ในการนมัสการเท่านั้น คือเพื่อให้คนอิสราเอลมีบางอย่างที่จับต้องได้แทนพระวิหารที่เยรูซาเล็ม แต่ดูสิว่า เกิดอะไรขึ้นเมื่อมาถึงสมัยของอาหับ พอมาถึงอาหับ พระองค์ได้ถวายทั้งตัวให้กับพระบาอัลที่เป็นพระเทียมเท็จ เพราะอิทธิพลของพระนางเยเซเบล และอาหับถึงกับเลิกร้างการนมัสการพระเยโฮวาห์อย่างสิ้นเชิง เห็นไหมว่า ความบาปค่อยๆคืบคลานทีละเล็กละน้อยก่อนที่มันจะกัดกินทั้งชีวิต? เห็นไหมว่า การอ่อนข้อต่อความบาปวันนี้หมายถึงความพินาศในวันพรุ่งนี้หรือในวันต่อไป? กษัตริย์เยโรโบอัมไม่ได้ตั้งใจว่า จะละทิ้งพระเยโฮวาห์ไป แต่เมื่อพระองค์ละทิ้ง “วิธีที่ถูกต้อง”ในการนมัสการพระเยโฮวาห์ การนมัสการพระบาอัลก็ค่อยๆคืบคลานเข้ามา เรื่องนี้เห็นได้ชัดในชีวิตจริง เช่น การดื่มเหล้าเพื่อสังสรรค์นานๆที วันหนึ่งจะกลายเป็นนิสัย การเที่ยวกลางคืนครั้งเดียวจะเริ่มเป็นสองครั้งสามครั้ง และกลายเป็นนิสัย การพนันเริ่มต้นจากการยอมเสี่ยงเพียงเล็กๆน้อยๆจนวันหนึ่งกลายเป็นนิสัย การโกหกก็เช่นกัน ฯลฯ กับความบาปเราต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เราต้องหยุดความบาปตั้งแต่ยังอยู่ในความคิดก่อนที่มันจะกลายเป็นการกระทำ และในที่สุดกลายเป็นนิสัย V. ในที่สุดผู้คนทั้งราชอาณาจักรก็รับเอาความเชื่อที่ผิดๆของพระนางเยเซเบล คนอิสราเอลทิ้งพระเจ้า หันไปตามรูปเคารพเพราะอะไร? ก็เพราะกษัตริย์อาหับกับพระนางเยเซเบล เราต้องระวังที่ชีวิตของเราจะไม่เป็นข้อแก้ตัวสำหรับคนอื่นที่ไม่ติดตามพระเจ้า สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนต่างมี คือ “อำนาจแห่งอิทธิพล” คือด้วยคำพูดและการกระทำของเรา เราสามารถผลักดันให้คนที่อยู่รอบข้างเราทำสิ่งที่ถูกต้อง หรือทำสิ่งที่ผิดได้ พ่อแม่มีอิทธิพลต่อลูกๆ สามีก็มีต่อภรรยา ภรรยาก็มีต่อสามี คุณตาคุณยายมีอิทธิพลต่อหลานๆ ครูมีต่อนักเรียน เพื่อนก็มีต่อเพื่อน เจ้านายมีต่อลูกน้อง ลูกน้องก็มีต่อเจ้านาย เราทุกคนมีแรงอิทธิพล เราจึงจะต้องระวังที่จะใช้ให้ถูกต้องเพื่อพระเจ้า
VI. ทั้งกษัตริย์อาหับกับพระนางเยเซเบลหันมาต่อสู้เหล่าผู้พยากรณ์ของพระเจ้า ทั้งสองพระองค์ตามจับตัวผู้พยากรณ์ของพระเยโฮวาห์มาฆ่าเสีย มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รอดชีวิตไปได้ด้วยการช่วยเหลือของข้าราชการของอาหับที่เป็นคริสเตียนที่กำลังถดถอยคนหนึ่งชื่อ โอบาดีย์ (คนละคนกับหนังสือโอบาดีย์) โอบาดีย์ได้ช่วยเหลือโดยพาเหล่าผู้พยากรณ์ไปซ่อนตัวในถ้ำ (ดู 1 พงศ์กษัตริย์ 18:3-4) ดังนั้นเราเห็นลำดับการก่อตัวของความบาปที่เริ่มต้นจากการใช้ตัวช่วยที่ผิดๆในการนมัสการเช่นวัวทองคำ แล้วสิ้นสุดลงที่การฆ่าทำลายผู้พยากรณ์ของพระเจ้า
VII. ทั้งกษัตริย์อาหับและพระนางเยเซเบลถูกสังหารอย่างน่าสลด และราชอาณาจักรก็เข้าสู่ความทุกข์ยากลำบาก ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 1:1 ความบาปเป็นแบบนี้เสมอ เพราะ“ค่าจ้างของความบาปคือความตาย” ความบาปจะดูเหมือนสนุก แต่เมื่อความสนุกนั้นหมดไปความเสียใจภายหลังจะตามมา หากเราปล่อยให้ความบาปเล็กๆเข้ามาแล้วไม่กำจัดออกไป วันหนึ่งมันจะกลายเป็นนายเรา และมันจะฆ่าเรา เพราะรางวัลที่ความบาปมีให้ทุกคนที่ทำบาปมีอย่างเดียวคือ ความตาย

コメント